Double Top เป็นหนึ่งในรูปแบบแท่งเทียนที่ใช้บ่อยในการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อระบุแนวโน้มขาขึ้นที่อ่อนแรงและมีโอกาสกลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal Pattern)
1. โครงสร้างของ Double Top
แนวคิด:
• Double Top เกิดขึ้นเมื่อราคาสร้างจุดสูงสุด (1st Top) และถูกแรงขายกดลง ราคากลับขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดอีกครั้ง (2nd Top) แต่ไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ หากราคาลงไปต่ำกว่าระดับแนวรับที่เรียกว่า Neckline → เป็นสัญญาณกลับตัวขาลง
ตัวอย่างในภาพ:
• ราคาทำ 1st Top และ 2nd Top แต่ไม่สามารถทะลุขึ้นไปต่อ
• เมื่อราคาลงต่ำกว่าเส้น Neckline → เป็นจุดยืนยันแนวโน้มขาลง
การใช้งาน:
• รอให้ราคาทะลุ Neckline ลงไป ก่อนเข้า Short (Sell Position)
• ใช้ร่วมกับ Volume Analysis หรือ Indicator เพื่อยืนยันสัญญาณ
2. จุดเข้าเทรด (Entry) และการยืนยันแนวโน้ม
แนวคิด:
• ไม่ควรเปิด Short จนกว่าราคาจะทะลุ Neckline ลงไป
• การ Breakout ต้องมีแรงขายเข้ามามากพอ (ดูจากแท่งแดงยาวหรือ Volume ที่เพิ่มขึ้น)
ตัวอย่างในภาพ:
• เมื่อราคาหลุด Neckline ลงไป เกิด Breakdown เป็นสัญญาณให้เข้า Short
• ราคาปรับตัวลงต่อไปยังเป้าหมาย Target ตามโครงสร้างของรูปแบบ
การใช้งาน:
• เข้า Short เมื่อราคาทะลุ Neckline และปิดต่ำกว่าระดับนั้น
• วาง Stop-Loss เหนือ 2nd Top เพื่อจำกัดความเสี่ยง
3. การตั้งเป้าหมายทำกำไร (Take Profit – TP)
แนวคิด:
• ใช้วัดระยะ ระหว่าง 2nd Top กับ Neckline แล้วใช้ระยะเท่ากันเพื่อกำหนดเป้าหมาย
• หากตลาดมีโมเมนตัมขาลงแรง ราคาสามารถลงไปได้ลึกกว่าระยะที่คำนวณไว้
ตัวอย่างในภาพ:
• เป้าหมายกำไร (Target) ถูกกำหนดโดยใช้ระยะห่างของ Double Top
• ราคาลงไปแตะเป้าหมาย ทำให้การเข้า Short สำเร็จ
การใช้งาน:
• ตั้ง TP ไว้ตามหลักการของ Double Top
•หากราคาไม่ลงตามแผน ควรพิจารณาปิดออเดอร์บางส่วน
สรุปการใช้งาน Double Top ในการเทรด
ใช้ Double Top เป็นสัญญาณกลับตัวขาลง เมื่อราคาทะลุ Neckline
เปิด Short หลังจากราคา Breakout และยืนยันแนวโน้มขาลง
ตั้ง Stop-Loss เหนือ 2nd Top และกำหนด TP ตามระยะโครงสร้าง
ใส่ความเห็น