เปิดมุมมอง แนวรับ-แนวต้าน ตัวช่วยสำคัญในการวางแผนเทรด!
.
Support (แนวรับ) และ Resistance (แนวต้าน) เป็นแนวราคาที่สำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์ทิศทางของราคา และวางแผนกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างแม่นยำ การเรียนรู้ ประเภทแนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance Types) เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับนักเทรดและนักวิเคราะห์ทางเทคนิค เพราะช่วยให้เข้าใจ จุดกลับตัว (Reversal Points) และ แนวโน้มของตลาด (Market Trend) ได้ดีขึ้น
ในภาพนี้ แสดงรูปแบบแนวรับและแนวต้านที่พบบ่อยทั้งหมด 9 รูปแบบ แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก
1. โซนแนวรับและแนวต้านหลัก
Demand Zone (โซนอุปสงค์ – แนวรับ)
• เป็นบริเวณที่ราคามักจะหยุดปรับตัวลงและดีดตัวกลับขึ้น
• แสดงถึงบริเวณที่มีแรงซื้อสูง
Supply Zone (โซนอุปทาน – แนวต้าน)
• เป็นบริเวณที่ราคามักจะหยุดขึ้นและเริ่มปรับตัวลง
• แสดงถึงบริเวณที่มีแรงขายสูง
Pivot Points (จุดหมุนแนวรับ-แนวต้าน)
• ใช้คำนวณแนวรับ (S1, S2) และแนวต้าน (R1, R2) โดยใช้ค่าเฉลี่ยของราคาสูงสุด ต่ำสุด และปิดของวันก่อนหน้า
• ใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มรายวัน
2. แนวรับและแนวต้านแบบพื้นฐาน
Support Level (ระดับแนวรับทั่วไป)
• เป็นแนวที่ราคาลงมาทดสอบบ่อย ๆ แต่ยังไม่สามารถทะลุลงไปได้
• ใช้เป็นจุดเข้า Long
Resistance Level (ระดับแนวต้านทั่วไป)
• เป็นแนวที่ราคาขึ้นไปทดสอบบ่อย ๆ แต่ยังไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้
• ใช้เป็นจุดเข้า Short
Fibonacci (แนวรับ-แนวต้านตามสัดส่วนฟีโบนักชี)
• ใช้ค่าตัวเลขฟีโบนักชี เช่น 38.2%, 50%, 61.8% เพื่อระบุแนวรับ-แนวต้านที่มีโอกาสเกิดขึ้น
3. แนวรับ-แนวต้านแบบไดนามิก
Trendline (เส้นแนวโน้ม)
• ใช้ลากเส้นผ่านจุดต่ำสุดหรือจุดสูงสุดของราคาเพื่อระบุแนวโน้ม
• เป็นแนวรับ/แนวต้านที่เปลี่ยนแปลงตามเวลา
S/R Levels (ระดับแนวรับ-แนวต้านสำคัญ)
• แนวรับ-แนวต้านที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของราคา และมีนัยสำคัญในการวิเคราะห์
Daily Highs/Lows (ระดับสูงสุด-ต่ำสุดของวัน)
• ใช้ราคาสูงสุด (HOTD) และราคาต่ำสุด (LOTD) ของวันก่อนหน้าเป็นแนวรับ/แนวต้าน
สรุปการใช้งานแนวรับ-แนวต้าน
ใช้ Demand/Supply Zone → สำหรับ Swing Trading และวิเคราะห์โซนที่มีแรงซื้อขายสูง
ใช้ Pivot Points และ Fibonacci → สำหรับการเทรดระยะสั้น (Day Trading)
ใช้ Trendline และ Daily Highs/Lows → สำหรับติดตามแนวโน้มตลาด
ใส่ความเห็น